การทำงานบนที่สูงเป็นงานที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งหากไม่มีการป้องกันที่เหมาะสม อาจนำไปสู่อุบัติเหตุที่มีความรุนแรง การใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment หรือ PPE) เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการลดความเสี่ยงและป้องกันอุบัติเหตุในขณะที่ทำงานบนที่สูง บทความนี้จะกล่าวถึงอุปกรณ์ PPE ที่จำเป็นในการทำงานบนที่สูง รวมถึงมาตรฐานและการตรวจสอบอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
ความสำคัญของอุปกรณ์ PPE
อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment หรือ PPE) คือชุดหรือเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้ใช้จากอันตรายหรือความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการทำงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ โดยอุปกรณ์ PPE จะช่วยลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุ บาดเจ็บ หรือเจ็บป่วยจากการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยง
สำหรับการทำงานบนที่สูง อุปกรณ์ PPE จะช่วยในการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการทำงาน ซึ่งรวมถึงการป้องกันการตก การป้องกันการชนหรือกระแทก และการป้องกันสิ่งแปลกปลอมที่อาจเข้าสู่ร่างกาย การใช้อุปกรณ์ PPE ที่มีคุณภาพตรงตามมาตรฐานที่ยอมรับ และเหมาะสมกับประเภทงานเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้
อุปกรณ์ PPE ที่ต้องมีในการทำงานบนที่สูง
1. หมวกนิรภัย (Helmet)
หมวกนิรภัย คือ สิ่งที่จำเป็นในการป้องกันศีรษะจากการกระแทกหรือการชน ไม่ว่าจะเป็นการตกจากที่สูงหรือการที่วัตถุหล่นลงมา การเลือกหมวกนิรภัยที่มีมาตรฐานและมีคุณภาพเป็นสิ่งที่สำคัญ หมวกนิรภัยควรมีสายรัดคางที่สามารถปรับได้เพื่อให้กระชับพอดีกับศีรษะของผู้ใช้ และควรมีระบบกันกระแทกภายในหมวกเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
2. เข็มขัดนิรภัยชนิดคาดเอว (Safety Belt)
เข็มขัดนิรภัยชนิดคาดเอว คือ อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการป้องกันการตกจากที่สูง โดยเฉพาะในการทำงานที่มีความเสี่ยงน้อย เช่น การทำงานบนบันไดหรือการทำงานในพื้นที่ที่ไม่สูงมาก เข็มขัดชนิดนี้จะมีสายรัดที่คาดเอวและมีจุดยึดที่สามารถเชื่อมต่อกับเชือกนิรภัยหรือสายลั่นนิรภัยเพื่อป้องกันการตก
3. เข็มขัดนิรภัยชนิดเต็มตัว (Full Body Harness)
เข็มขัดนิรภัยชนิดเต็มตัว คือ อุปกรณ์ที่มีการป้องกันที่ดีกว่าเข็มขัดนิรภัยชนิดคาดเอว โดยจะมีสายรัดที่ครอบคลุมทั่วร่างกาย รวมถึงไหล่ สะโพก และต้นขา การใช้เข็มขัดนิรภัยชนิดเต็มตัวช่วยกระจายแรงกระแทกในกรณีที่เกิดการตกลงมา ทำให้ลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่จุดเดียวของร่างกาย
4. สายเชือกนิรภัย (Safety Lanyard)
สายเชือกนิรภัย คือ อุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อระหว่างเข็มขัดนิรภัยและจุดยึดที่มั่นคง โดยมีหน้าที่ช่วยหยุดการตกของผู้ปฏิบัติงาน สายเชือกนิรภัยมีหลายประเภท เช่น สายเชือกชนิดยืดหยุ่น (Shock Absorbing Lanyard) ที่มีความยืดหยุ่นเพื่อช่วยลดแรงกระแทกในกรณีที่ตกลงมา และสายเชือกชนิดตายตัว (Fixed Length Lanyard) ที่มีความยาวคงที่
5. ตะขอ (Safety Hook)
ตะขอเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมต่อสายเชือกนิรภัยกับจุดยึด ตะขอที่ดีควรมีระบบล็อคอัตโนมัติ (Auto-Locking) เพื่อป้องกันการหลุดออกโดยไม่ตั้งใจ และควรมีความแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักและแรงกระแทกได้ตามมาตรฐานความปลอดภัย
6. ตาข่ายนิรภัย (Safety Net)
ตาข่ายนิรภัย คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการป้องกันการตกลงมาของผู้ปฏิบัติงานหรือลดความรุนแรงของการตก โดยการติดตั้งตาข่ายนิรภัยใต้พื้นที่ทำงานที่สูง จะช่วยจับผู้ปฏิบัติงานที่ตกลงมาและป้องกันไม่ให้เกิดการบาดเจ็บรุนแรง นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันวัตถุที่หล่นลงมาไม่ให้ตกถึงพื้นได้อีกด้วย มักจะใช้ในงานที่ต้องขึ้นไปซ่อมแซมหลังคา สร้างหลังคา เป็นต้น
7. รองเท้านิรภัย (Safety Shoes)
รองเท้านิรภัย ช่วยในการป้องกันเท้าจากการกระแทก การบีบอัด หรือการเจาะทะลุ รองเท้านิรภัยควรมีพื้นรองเท้าที่กันลื่นและมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่มีความสูง การเลือกรองเท้าที่มีการเสริมเหล็กบริเวณหัวรองเท้าจะช่วยป้องกันการบาดเจ็บจากวัตถุที่หล่นลงมาได้ดีขึ้น
8. ถุงมือนิรภัย (Safety Gloves)
ถุงมือนิรภัย ช่วยในการป้องกันมือจากการบาดเจ็บ การเลือกถุงมือที่เหมาะสมกับประเภทงานเป็นสิ่งที่สำคัญ เช่น ถุงมือกันการตัด ถุงมือกันการกระแทก และถุงมือกันความร้อน เป็นต้น ถุงมือที่ดีควรมีความกระชับและไม่ลื่นเพื่อให้สามารถจับวัตถุได้อย่างมั่นคง
9. แว่นตานิรภัย (Safety Goggles)
แว่นตานิรภัย ช่วยในการป้องกันตาจากฝุ่นละออง เศษวัสดุ หรือสารเคมีที่อาจเข้าสู่ตา การเลือกแว่นตานิรภัยที่มีคุณภาพและสามารถป้องกันแสงแดดได้ก็เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง แว่นตานิรภัยควรมีเลนส์ที่ทนต่อการกระแทกและมีการป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) เพื่อปกป้องดวงตา
10. เสื้อกั๊กนิรภัย (Safety Vest)
เสื้อกั๊กนิรภัย ควรมีสีสันที่สว่างและมองเห็นได้ง่าย ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานบนที่สูงมองเห็นกันและกันได้ชัดเจน ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ เสื้อกั๊กนิรภัยควรมีแถบสะท้อนแสงเพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจน แม้จะอยู่ในช่วงเวลากลางคืน
มาตรฐานและการตรวจสอบอุปกรณ์ PPE
การใช้อุปกรณ์ PPE ต้องผ่านการตรวจสอบและมีมาตรฐานที่ถูกต้องตามที่กำหนด การเลือกอุปกรณ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน เช่น
- มาตรฐาน ANSI หรือ American National Standards Institute
- มาตรฐาน OSHA หรือ Occupational Safety and Health Administration
มาตรฐานเหล่านี้ เป็นมาตรฐานสากลที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ซึ่งจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์นั้นมีคุณภาพและสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย การตรวจสอบอุปกรณ์ PPE ควรทำอย่างสม่ำเสมอและบันทึกผลการตรวจสอบเพื่อเป็นหลักฐาน
จัดการฝึกอบรมและเรียนรู้ใช้ PPE อย่างถูกต้อง
การฝึกอบรมเป็นสิ่งที่สำคัญในการใช้อุปกรณ์ PPE อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ผู้ปฏิบัติงานควรได้รับการฝึกอบรมในการใช้อุปกรณ์ PPE และมีความเข้าใจในวิธีการตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ การฝึกอบรมควรครอบคลุมถึงการเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมกับประเภทงานและการปฏิบัติตามขั้นตอนความปลอดภัย ซึ่งในไทยมีกำหนดให้ลูกจ้างหรือผู้ปฏิบัติงานที่สูง ต้องเข้าอบรมหลักสูตรการทำงานบนที่สูง ก่อนปฏิบัติงาน
ในส่วนของนายจ้างเองก็มีกฎหมายกำหนดไม่ว่าจะเป็นต้องบังคับลูกจ้างอบรมที่สูง , เตรียมความพร้อมอุปกรณ์ความปลอดภัย, การเตรียมเอกสารพร้อมในการทำงาน และอื่นๆ เราก็จะเห็นได้ว่านายจ้างเองก็มีบทบาทด้านความปลอดภัยไม่น้อยเลย จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัยในการทำงาน ทำให้นายจ้างต้องเข้าอบรม จป บริหาร จากศูนย์อบรม จป บริหารที่ได้รับอนุญาต (หากมีลูกจ้างระดับบริหาร สามารถส่งเข้าอบรมแทนได้แต่หากไม่มีนายจ้างต้องเข้าอบรมเอง)
แนะนำศูนย์ฝึกอบรม จป : Thaisafe ศูนย์ฝึกอบรม จป ที่ได้รับอนุญาตจากกรมสวัสดิการฯ ที่พร้อมเปิดอบรม จป ทุกระดับไม่ว่าจะเป็น จป หัวหน้างาน จป บริหาร จป เทคนิค และ คปอ พร้อมมอบวุฒิบัตรเมื่อผ่านการอบรม สมัครวันนี้ลดทันที 40%
ข้อควรระวังในการใช้อุปกรณ์ PPE
การตรวจสอบก่อนใช้งาน
ควรตรวจสอบอุปกรณ์ PPE ทุกครั้งก่อนการใช้งาน เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ไม่มีความเสียหายหรือเสื่อมสภาพ การตรวจสอบควรรวมถึงการตรวจสอบความกระชับของเข็มขัดนิรภัย การตรวจสอบความแข็งแรงของเชือกนิรภัย และการตรวจสอบสภาพของหมวกนิรภัย แว่นตานิรภัย และถุงมือนิรภัย
การบำรุงรักษาอุปกรณ์
อุปกรณ์ PPE ควรได้รับการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ การทำความสะอาดและการเก็บรักษาในที่ที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่สำคัญ เช่น การเก็บรักษาอุปกรณ์ในที่ที่แห้งและห่างไกลจากแสงแดดและสารเคมีที่อาจทำให้วัสดุเสื่อมสภาพ
การทิ้งและการเปลี่ยนอุปกรณ์ที่เสียหาย
หากพบว่าอุปกรณ์ PPE มีความเสียหาย ควรทำการเปลี่ยนใหม่ทันที การใช้อุปกรณ์ที่เสียหายอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ผู้ปฏิบัติงานควรได้รับการฝึกอบรมในการตรวจสอบและรายงานปัญหาที่พบในอุปกรณ์ PPE เพื่อให้สามารถทำการแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว
สรุป
อุปกรณ์ PPE เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการทำงานบนที่สูง การเลือกใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับประเภทงาน รวมถึงการฝึกอบรมในการใช้งานอย่างถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและป้องกันอันตรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำงานบนที่สูงจำเป็นต้องมีความระมัดระวังและการเตรียมตัวที่ดี การใช้อุปกรณ์ PPE ที่เหมาะสมเป็นการลงทุนที่มีความคุ้มค่า เพราะชีวิตและความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด